คีเลชั่นบำบัด (Chelation Therapy)

คีเลชั่นบำบัด (Chelation Therapy) คืออะไร?
คีเลชั่นบำบัด (Chelation Therapy) คือ การล้างสารพิษในหลอดเลือดผ่านทางหลอดเลือดดำ โดยมีกรดอะมิโนเป็นสารประกอบ ซึ่งเรียกว่า EDTA ผสมกับแร่ธาตุ ต่าง ๆ ที่จำเป็น และวิตามิน
EDTA มีหน้าที่สำคัญในการจับสารพิษประเภทสารโลหะหนัก เช่น สารปรอท สารตะกั่ว สารสารหนู หรือแม้แต่แคลเซียมส่วนเกินในร่างกาย ที่ตกค้างอยู่ตามผนังหลอดเลือดและในเนื้อเยื่อ หลังจากทำคีเลชั่นบำบัดสารโลหะหนักเหล่านี้จะถูกกำจัดออกจากร่างกายผ่านระบบปัสสาวะตามปกติ
คีเลชั่นบำบัด (Chelation Therapy) ได้ผ่านการรับรองมาตรฐานจากสมาคมการแพทย์คีเลชั่นไทย จึงถือเป็นอีกหนึ่งวิธีการการดูแลรักษาผู้ที่มีสารพิษตกค้างในร่างกาย ที่ปลอดภัย เชื่อถือได้
ปัญหามลภาวะมลพิษในอากาศทั้งฝุ่นและเขม่าควันในปัจจุบัน ตลอดจนการปนเปื้อนของสารพิษในอาหาร เครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องสำอาง ของเล่นเด็ก และของใช้ต่าง ๆ ภายในบ้าน ล้วนแต่มีโอกาสทำให้ร่างกายได้รับสารโลหะหนักจากวัตถุดิบหรือกระบวนการผลิต ตลอดจนภาชนะบรรจุ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ เมื่อรับโลหะหนักหรือสารพิษที่เป็นส่วนเกินเข้าสู่ร่างกาย สารเหล่านี้จะเกาะสะสมตามผนังหลอดเลือด หรือตกค้างในน้ำเลือด ทำให้เกิดปัญหาผนังหลอดเลือดอักเสบ ขรุขระ เส้นเลือดแข็งหรือตีบแคบ อุดตัน ส่งผลให้ระบบการไหลเวียนโลหิตไม่ดี ก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ ตามมา เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง หัวใจขาดเลือด และโรคความเสื่อมตามอวัยวะต่าง ๆ
ทำไมต้องทำคีเลชั่นบําบัดที่ Novavida?
เมื่อร่างกายได้รับสารพิษจากสิ่งแวดล้อมเข้ามาโดยไม่รู้ตัว และเกิดสะสมมากขึ้นจะทำให้ร่างกายผลิตสารอนุมูลอิสระที่ส่งผลเสียต่อระบบทำงานของร่างกาย ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมา ซึ่งสารพิษที่เป็นสาเหตุปัญหาสุขภาพนั้นมีหลายประเภท ดังนี้
- สารพิษจากสารเคมี ได้แก่ สารปรุงแต่งอาหาร (ทั้งสี กลิ่น รส) ผงชูรส เครื่องสำอาง เช่น แชมพู ยาย้อมผม ลิปสติก ยาทาเล็บ หรือแม้แต่ยาแผนปัจจุบัน ซึ่งสารพิษเหล่านี้สามารถเข้าทางปาก ทางศีรษะ ทางผิวหนัง ผ่านเข้าทางหลอดเลือดฝอยเข้าไปสะสมในตับ
- สารพิษจากโลหะหนัก ได้แก่ ควันรถ ควันพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม ยาฆ่าแมลง สารตะกั่ว โลหะหนัก หากมีการสะสมของสารพิษประเภทนี้เป็นจำนวนมากอาจส่งผลให้เกิดอาการทางระบบสมองได้
- สารพิษจากฟอร์มาลีน ได้แก่ อาหารทะเลแช่แข็ง ผักและผลไม้ที่สดกรอบเกินไป ภาชนะบรรจุอาหารหรือเครื่องดื่ม ถุงใส่อาหารร้อน เป็นต้น
ศูนย์การแพทย์บูรณาการ โนวาวิด้า Anti Aging Center ให้บริการดีท็อกซ์สารพิษโลหะหนักออกจากร่างกาย เพื่อฟื้นฟูหลอดเลือด ด้วย Chelation Therapy โดยการให้สารละลายที่ประกอบด้วยกรดอะมิโนสังเคราะห์เรียกว่า EDTA ผสมกับวิตามินและแร่ธาตุ ผ่านทางหลอดเลือดดำ โดยทำหน้าที่สำคัญในการจับสารโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว ปรอท สารหนู หรือแม้แต่แคลเซียมส่วนเกินที่สะสมตกค้างในเนื้อเยื่อ และพอกอยู่ตามผนังหลอดเลือดของเรา ซึ่งเป็นอันตรายต่อผนังเซลล์และผนังหลอดเลือด เพื่อขจัดออกจากร่างกายทางระบบปัสสาวะและระบบขับถ่าย ช่วยรักษาอาการอักเสบของหลอดเลือด ส่งผลให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น การดีท็อกซ์สารพิษโลหะหนักออกจากร่างกาย ถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญของเวชศาสตร์ชะลอวัย (Anti-Aging) เพื่อนำไปสู่ภาวะสุขภาพที่สมบูรณ์สูงสุด
Chelation Therapy มีประโยชน์อย่างไร
ขจัดสารพิษตกค้างในร่างกายและระบบหลอดเลือด
กระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต
บำบัดหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ (Coronary Arteries)
ลดความดันโลหิต
ลดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
ลดอาการโรคภูมิแพ้
บำบัดเส้นเลือดปลายแขน ปลายขา
ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
ลดอัตราเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง
ลดอาการของโรคอัลไซเมอร์
ลดปริมาณการใช้อินซูลินในผู้ป่วยเบาหวาน
เพิ่มความไวในการรับสัมผัส เช่น การรับรส การมองเห็น และการได้ยิน
ฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศ
บำบัดภาวะเหนื่อยเมื่อยล้าเรื้อรัง (Chronic Fatigue Syndrome)
ป้องกันโรคความเสื่อมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากระบบหมุนเวียนไม่ดี เช่น สมองขาดเลือดไปเลี้ยง โรคเบาหวาน ภาวะภูมิเพี้ยนต่าง ๆ เช่น รูมาตอยด์



Chelation Therapy เหมาะกับใคร
- ผู้ที่มีเส้นเลือดหัวใจตีบ
ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง
ผู้ที่กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
ผู้ป่วยโรคเบาหวาน มีภาวะนอนไม่หลับ อ่อนเพลีย
ผู้ที่ตรวจพบสารพิษและโลหะหนักในร่างกายจำนวนมาก
ผู้ที่ชอบรับประทานอาหารรสหวานจัด มันจัด เนื้อสัตว์ ของทอด ปิ้งย่าง
ผู้ที่มีภาวะเครียดอยู่เป็นเวลานาน
ผู้ที่สูบบุหรี่จัด ดื่มแอลกอฮอล์มาก
สตรีที่กำลังวางแผนการตั้งครรภ์
Note:
ข้อห้ามสำหรับการทำ Chelation Therapy
ผู้ที่มีอาการแพ้ EDTA อย่างรุนแรง
ผู้ที่มีภาวะไตวายเรื้อรังระยะที่ 4-5 ยกเว้นผู้ที่ทำการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมได้ (renal dialysis)
ผู้ที่มีอาการทางสมองผิดปกติจากตะกั่วเฉียบพลัน (Acute lead encephalopathy)
ผู้ที่มีประวัติผ่าตัดต่อมไทรอยด์ (Total thyroidectomy) หรือผู้ที่มีระดับฮอร์โมนพาราไทรอยด์ต่ำ (Hypoparathyroidism)
ควรทำคีเลชั่นบำบัด (Chelation Therapy) บ่อยแค่ไหน?
ศูนย์การแพทย์บูรณาการ โนวาวิด้า Anti Aging Center ให้บริการทรีตเมนต์ Chelation Therapy โดยคำนึงถึงวัตถุประสงค์ในการทำและตามดุลยพินิจของแพทย์หลังจากที่ทำการประเมินและวางแผนการรักษา สำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพของหลอดเลือดโดยตรง อาจจะทำ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ แต่ผู้ที่มีสุขภาพดีอยู่แล้ว และต้องการทำเพื่อชะลอวัย อาจทำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และควรทำอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 10 ครั้ง เพื่อขจัดสารพิษให้ลดลงอยู่ในระดับที่ปลอดภัย โดยควรตรวจเลือดเพื่อวัดระดับสารพิษหลังทำครบ 10 ครั้ง เพื่อปรับแผนการรักษาตามหลักเวชศาสตร์ชะลอวัย (Anti-Aging) ให้เหมาะสมกับบุคคลนั้น ๆ ต่อไป